วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นวัตกรรมทางการศึกษา

ชื่อเรื่อง การพัฒนาตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
ผู้วิจัย นายสุทัน มณีวัลย์ และคณะ
ตำแหน่ง ศึกษาธิการอำเภอคีรีมาศ และคณะวิจัยจากสำนักงานศึกษาธิการอำเภอ/จังหวัดสุโขทัยหน่วยงาน สำนักงานศึกษาธิการอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยหน่วยงานที่ให้ทุน คณะกรรมการวิจัยการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
ประจำปีงบประมาณ 2542 จำนวนเงิน 25,000
บาทบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึษาและเปรียบเทียบการพัฒนาตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ในทักษะการเรียนรู้ ทักษะการคิด และทักษะการสื่อสาร ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด กรมสามัญศึกษา จังหวัดสุโขทัย จำนวน 4,772 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด กรมสามัญศึกษา จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 193 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบทดสอบเรื่อง การพัฒนาตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย จำนวน 1 ฉบับ จำนวน 21 ข้อ โดยได้ใช้แบบวัดศักยภาพของเด็กไทย ระดับมัธยมศึกษา ของกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ในด้านทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในอนาคต ข้อ 1 - ข้อ 21 การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการทางสถิติด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS/PC เพื่อหาค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวแปร 2 กลุ่ม ใช้การทดสอบที (T-test) และการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวแปรมากกว่า 2 กลุ่ม ใช้การทดสอบเอฟ (F-test)ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด กรมสามัญศึกษา อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย มีการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมาก (X = 3.08 S.D. = 0.29) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมีการพัฒนาตนเองสูงสุด คือด้านทักษะการเรียนรู้ รองลงมา คือ ด้านทักษะการคิด และด้านทักษะการสื่อสาร ผลการเปรียบเทียบการพัฒนาตนเองของนักเรียนตามตัวแปร เพศ พบว่า นักเรียนชายและนักเรียนหญิงมีการพัฒนาตนเอง ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกด้านเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนหญิงมีการพัฒนาตนเองมากกว่านักเรียนชายในข้อ 8 นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหาทั้งส่วนตนและส่วนรวมได้และในข้อ 15 นักเรียนสามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ข่าว ตามสถานการณ์หรือข้อความที่กำหนดให้ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพบว่า นักเรียมที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง ปานกลาง ต่ำ มีการพัฒนาตนเองที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทุกด้าน ซึ่งนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนสูงมีการพัฒนาตนเองมากกว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลางและต่ำ และนักเรียนที่มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลางมีการพัฒนาตนเองสูงกว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้ ผู้บริหารการศึกษา ครูผู้สอน และผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ควรจัดกระบวนการเรียนการสอน โดยเน้นให้นักเรียนได้พัฒนาความสามารถในการใช้เหตุผล ในการคิด การเชื่อมโยงหลักการทฤษฎีกับปัญหาใหม่ของผู้เรียน ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการคิด การแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้ โดยให้รู้จักเรียงลำดับความเป็นเหตุเป็นผล นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมการอ่าน ซึ่งจะส่งผลต่อทักษะการสื่อสาร อันเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในยุคโลกาภิวัฒน์ อย่างเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคลต่อไป
เอกสารอ้างอิง
สุทัน มณีวัลย์ และคณะ.(2542).การพัฒนาตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2543 โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย.